รถจีนโค่นแชมป์เก่าขึ้นเป็นผู้นำโลกได้อย่างไร?

Описание к видео รถจีนโค่นแชมป์เก่าขึ้นเป็นผู้นำโลกได้อย่างไร?

รถยนต์คือสุดยอดเทคโนโลยีที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งจีนสามารถปาดหน้าแชมป์เก่าอย่าง อเมริกา เยอรมัน และญี่ปุ่น แซงขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่งของโลกได้สำเร็จไปแล้ว รถจีนสามารถพุ่งแซงจากข้างหลัง ผงาดขึ้นเป็นผู้นำโลกได้ยังไง และอนาตจะเป็นอย่างไร?

Time Stamp
0:00 รถจีนโค่นแชมป์เก่าขึ้นเป็นผู้นำโลกได้อย่างไร?
0:34 รถจีนมาแรงแค่ไหน ?
2:39 วิวัฒนาการรถยนต์
6:24 ความก้าวหน้ารถจีน
10:24 รถจีนขึ้นเป็นผู้นำโลกได้อย่างไร?
14:20 จุดเปลี่ยนผู้นำรถยนต์โลก
18:29 สรุป

รถจีนมาแรงแค่ไหน?
ปีนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่การเปิดตัวนวัตกรรมรถรุ่นใหม่ๆ อย่าง Tesla Model 3 Highlandโฉมใหม่ ของอเมริกา หรือ Mercedes Maybach EQS ของเยอรมัน กลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก เท่ากับรถไฟฟ้าสุดล้ำของแบรนด์จีนอย่าง BYD Yangwang U9 Supercar ไฟฟ้า ขนาด 1,100 ร้อยแรงม้า ที่เฟี้ยวสุดๆ สวย สะดุดตา มากๆ หรือ NIO ET7 ที่ดูหรูหรามีระดับ และมาพร้อมกับระบบ Battery Swap หรือแบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องชาร์จให้เสียเวลา
และรถไฟฟ้าขนาดเล็กกระทัดรัดอย่าง BYD Seagull ที่ราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ
แล้วยังตามอีกมากมายหลายรุ่นเป็นโขยง แบบจัดเต็มสุดๆ เรียกได้ว่ามีให้เลือกครอบคลุมแทบทุกความต้องการของตลาด ซึ่งเป็นเรื่องที่ Surprise สุดๆ เพราะเมื่อก่อน คุณจะเห็นว่า รถของ อเมริกา เยอรมัน และญี่ปุ่น ครองโลก แล้วทิ้งห่าง รถจีนเห่ยๆ ดูไม่สวย แถมคุณภาพยังห่วย แบบไม่เห็นฝุ่น
แต่ผ่านมาแว็บเดียวแค่ 5 ปี ปี 2022 รถจีนสามารถส่งออกแซงเยอรมันซึ่งมีแบรนด์อย่าง VW, BMW และ Benz ที่เคยเป็นอันดับสองของโลก แล้ว ปี 2023 แซงแชมป์เก่าอย่างญี่ปุ่นซึ่งมีแบรนด์อย่าง Toyota, Honda, และ Nissan จนขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกได้แบบสดๆร้อนๆ
แถมยอดขายรถแห่งอนาคตอย่าง รถไฟฟ้า รถจีนก็กลายเป็นผู้นำของโลกเช่นกัน

วิวัฒนาการรถยนต์
เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ชัดยิ่งขึ้น พี่ขอพาย้อนไปดูความเป็นมาของรถยนต์ดังนี้
1 ยุคกำเนิดรถยนต์
รถยนต์น้ำมันเริ่มเกิดขึ้น ในปี 1886 เมื่อ Carl Benz วิศวกรชาวเยอรมัน ได้พัฒนารถยนต์แบบ 3 ล้อ ในชื่อ Motorwagen ที่มีเครื่องยนต์ลูกสูบเดียวแบบสี่จังหวะซึ่งใช้น้ำมัน ขึ้นเป็นครั้งแรก และสามารถวิ่งได้เร็ว 16 กม./ชม. แล้วออกขายในชื่อบริษัท Benz & Cie
2 ยุคเติบโต
บริษัท Ford Motor ของอเมริกา ซึ่งก่อตั้งโดย Henrry Ford ในปี 1903 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ ในช่วงปี 1908 -1925
จากความสำเร็จในการพัฒนาระบบการผลิตรถยนต์รูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งผลิตรถได้จำนวนมาก ได้อย่างรวดเร็ว จำทำให้ต้นทุนถูกลงอย่างเหลือเชื่อ ลดลงถึง 84% จน รถ Ford Model T ได้รับความนิยมอย่างมาก
3 ยุคเฟื้องฟู
ปี 1950 รถเยอรมันเริ่มกลับมาได้รับความนิยมทั้งในตลาดรถหรูอย่าง Mercedes Benz และรถสายประหยัดอย่างรถ The Beetle ของ VW ที่บ้านเราเรียกว่ารถโฟล์คเต่า

ความก้าวหน้ารถจีน
1 กำเนิดรถจีน
ปี 1949 – 1980 ในยุค Mao Zedong เหมา เจ๋อตง ซึ่งจีนยังปิดประเทศ อุตสาหกรรมรถยนต์จีนได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก เรียกว่า Big 4 ซึ่งมีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ คือ
SAIC Motor, Shanghai Automotive Industry Corporation ,
Changan Automobile
Dongfeng Motor Corporatioon
FAW Group, First Auto Work

2 ยุคตั้งไข่
พอก้าวเข้าสู่ยุค Deng Xiaoping เติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งจีนเปิดประเทศสู่การค้าเสรี ทำให้จีนเริ่มเห็นโอกาสพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศขึ้น ด้วยการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ เริ่มจาก VW ของเยอรมันเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ในจีนเป็นรายแรก โดยร่วมมือกับ SAIC แล้วตามด้วย Jeep อเมริกา Peugeot ฝรั่งเศษ และ Suzuki ญี่ปุ่น

3 ยุคโตแบบก้าวกระโดด
ปี 2001 หลังจากที่จีนเข้าร่วมองค์กรการค้าโลก หรือ WTO ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนเติบโตยังกับติดจรวด
ในปี 2008 จีนก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับหนึ่งของโลก ปีละ 10.3 ล้านคัน ด้วยระยะเวลาอันสั้นเพียงแค่ 8 ปี

รถจีนขึ้นเป็นผู้นำโลกได้อย่างไร?
ในขณะที่กระแสรถพลังงานทางเลือกเริ่มมาแรง จากที่แบร์นด์ญี่ปุ่นได้เปิดตัวรถ Hybrid อย่าง Toyota Preus ในปี 1997 และ Nissan Leaf ที่เปิดตัวในปี 2010 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
แล้ว Elon Musk ยังได้สร้าง Tesla ให้กลายเป็นรถไฟฟ้า แบบ 100% โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ในปี 2005 -2009 ได้คลอดรุ่น Tesla Roadster จนสามารถเข้าระดมทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ของอเมริกาในปี 2010
ทำให้จีนเริ่มเชื่อมั่นว่ารถไฟฟ้ามาแน่ และมองเห็นโอกาสทองในการแซงขึ้นเป็นผู้นำรถยนต์ของโลกตัวจริง ดังนี้

1 จุดเปลี่ยนของเทคโนโลยี
1.1 กำจัดจุดอ่อน
รถยนต์ไฟฟ้ามีหัวใจสำคัญอยู่ที่แบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยไม่ต้องใช้ทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังซึ่งเป็นจุดอ่อนของจีน
1.2 ช่วยลดมลพิษ
รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดมลพิษทางอากาศของจีน
ทำให้จีนกล้าเลือกทุ่มพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว เพราะแม้จะมีความเสี่ยงสูงอย่างมาก แต่จีนก็ไม่มีอะไรจะเสีย

2 กล้าได้กล้าเสียอย่างเป็นระบบ
จีนทุ่มงบประมาณมหาศาลทั้งในด้านของผู้ผลิตซึ่งเป็นฝั่ง Supply และผู้ซื้อซึ่งเป็นฝั่ง Demand เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ทั้ง supply chain แบบครบวงจร
2.1 สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่
2.2 สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน
ทำสถานีชาร์จกระจายไปทั่วประเทศจีน มีจำนวนมากถึง 1,760,000 จุด
2.3 สนับสนุนคู่แข่ง
เชิญ Elon Musk ผู้นำรถไฟฟ้าโลกอย่าง Tesla ของอเมริกา ให้มาสร้างโรงงานในจีนได้เลย

จุดเปลี่ยนผู้นำรถยนต์โลก
ปี 2022 Gigafactory Shanghai กลายเป็นโรงงานที่ผลิตรถได้มากเป็นอันดับหนึ่งของ Tesla มากถึง 710,000 คัน จากทั้งหมด 1.31 ล้านคัน คือมากเกินครึ่ง
กลายเป็นสงครามเดือดที่ผู้ผลิตผลิตรถยนต์จีนต้องรีบปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อหนีตายและเอาตัวรอด
จนทำให้สิ่งที่จีนทุ่มเทอย่างหนักในเรื่องรถยนต์ เริ่มผลิดอกออกผล
1 ตลาดรถยนต์ในประเทศจีน
2 ตลาดส่งออกรถยนต์
3 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

Комментарии

Информация по комментариям в разработке